ข้อที่จะตอบต่อไปนี้ตอบตามประสบการณ์และความคิดเห็นของแขกรับเชิญของเรา
ตอนนี้คุณทำอาชีพอะไรที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ช่วยบอกเรางานของคุณเป็นอย่างไรครับ ผู้ชายเนเธอแลนด์เป็นอย่างไร(บุคลิกลักษณะ) และในมุมมองของคุณ คุณคิดว่าเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องความโรแมนติก ความรัก ระหว่างคนไทยและคนดัชท์อะไรคือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

ตอนนี้คุณทำอาชีพอะไรที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ช่วยบอกเรางานของคุณเป็นอย่างไรครับ
ในเนเธอร์แลนด์ ดิฉันเป็นแม่บ้านค่ะ เพราะไปตอนอายุจะห้าสิบไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะไปเริ่มต้นทำอะไรใหม่ และที่เมืองไทยรับราชการพยาบาล 26 ปีเมื่อไปถึงเนเธอร์แลนด์ จึงได้แต่เรียนภาษาเพื่อที่จะสอบให้ได้ตามกฎหมาย ส่วนการทำงานนั้นได้ทำงานเป็นอาสาสมัคร หรือทำงานเพื่อความสุขสบายใจมากกว่าการหารายได้ – คุณ Naan Madamthai
ก่อนที่มาอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ ดิฉันเรียนจบปริญญาตรีด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมค่ะ และหลังจากเรียนจบดิฉันก็ได้ทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ที่พหลโยธิน ในฝ่ายเครดิตและหลักประกันค่ะ ตอนนั้นดิฉันเริ่มเล่นเทนนิสน้อยลง และเริ่มต้นอยากหางานทำค่ะ แต่พอทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยได้ 2 ปีกว่าๆ ดิฉันตั้งใจอยากมาเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศค่ะ ดิฉันเลยตัดสินใจเก็บเงินส่วนตัวบางส่วน และมาตามความฝันมาเรียนต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ด้านกฎหมายยุโรปและนโยบายค่ะ Master of European Law and Policy ที่ The Hague University of Applied Sciences และพอเรียนจบดิฉันมีโอกาสได้ทำงานที่ธนาคาร The Royal Bank of Scotland ซึ่งเป็นธนาคารของอังกฤษที่อัมส์เตอร์ดัมค่ะ ปัจจุบันดิฉันได้เปลี่ยนงานมาทำงานบริษัท Commodity Tradinng ชื่อ Baywa Marketing and Trading International B.V ที่เมือง Rotterdam ในตำแหน่งTreasurer ค่ะ ซึ่งมีหน้าที่หลักคือดูแลการเงินของบริษัท ดูความเสี่ยงในเรื่องค่าเงิน และดูเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับสัญญาระหว่างบริษัทและธนาคารค่ะ – คุณ มาริสสา นิโรจน์ (เจี๊ยบ)

หลังจากมาทำงานหลายอย่างในเนเธอร์แลนด์ เพื่อหารายได้เสริมช่วงที่เรียนภาษาอย่างหนัก (รัฐบาลให้เรียนฟรีและดูแลค่าเดินทางด้วยค่ะ ในปี 2003) ก็เก็บเงินไว้ ทุกวันนี้ทุกอาชีพในฝันค่ะ ให้บริการข้อมุลการท่องเที่ยวและนำทาง สำหรับคนไทยที่มาเที่ยวยุโรปค่ะ เปิดเป็นกิจการเจ้าของคนเดียวค่ะ เปิดมาสิบปีแล้วค่ะ แน่นอน เมื่อทำงานเกี่ยวกับการเดินทาง ภาษาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ เนื่องจากดิฉันเรียนภาษาดัตช์ เพราะความสนใจของตัวเอง เมื่อมาอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ – คุณกชกร ชอบธรรม – ชื่อเล่น: Smiley
ช่วงแรกๆเป็นแม่บ้านและช่วยงานสามีที่คลีนิคสัตวแพทย์เป็นครั้งคราว ไม่เป็นประจำค่ะ
ปัจจุบันเป็นครูสอนงานฝีมือ คือสอนทำเดคูพาจ และสอนแกะสลักผักผลไม้ค่ะ
การสอนทำเดคูพาจ (Decoupage)คือการใช้วัสดุที่มีลวดลายอยู่แล้วเช่นกระดาษสาหรือกระดาษแน๊พกิ้นส์ทำการผนึกเข้าพื้นผิววัสดุต่างๆทั้งที่เป็นไม้ แก้ว พลาสติก เทียน เซรามิค ผลิตภัณฑ์จากพวกผักตบชวา ฯลฯ ซึ่งการทำเดคูพาจนี้จะทำให้ได้ชิ้นงานที่สวยงามเช่น ถาดไม้ โต๊ะไม้ แจกัน กล่องใส่ซองชา กล่องทิชชูฝังลาย เทียนฝังลาย เป็นต้นค่ะ
นอกจากนี้ยังเป็นครูสอนแกะสลักผักผลไม้
ซึ่งแบ่งการสอนออกเป็น3ประเภทคือ
1 .สอนการแกะสลักระดับพื้นฐานเพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่คนไทยและบุคคลทั่วไปที่สนใจ ซึ่งดิฉันได้เสนอทำโครงการสอนแกะสลักที่วัดไทยชื่อวัดพุทธาราม ตั้งอยู่เมืองวาลไวค์ เนเธอแลนด์ค่ะ โครงการนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก และมีทั้งคนไทยและชาวดัตช์ให้ความสนใจเข้าร่วมเรียนแกะสลักระดับพื้นฐานในโครงการนี้ค่ะ ผู้ที่สนในเรียนชำระค่าวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการแกะสลัก โดยไม่ต้องจ่ายค่าสอน และรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ได้นำถวายสบทบเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของวัดทั้งหมด
2.รับสอนแกะสลักคอร์ส่วนตัวระดับพื้นฐาน ระดับกลางและระดับสูง ที่บ้านตัวเองในเมืองร็อตเตอร์ดัมค่ะ
3.ในอนาคตอันใกล้นี้ กำลังวางแผนจะเปิดสอนคอร์สส่วนตัวผ่านทางวีดีโอค่ะ
ตัวอย่างงานแกะสลักในเฟสบุ๊คค่ะ – คุณ พณิดา ย่อมมี / Phanida Yommee – ชื่อเล่น:ไก่
อาชีพหลักคือรับแปลเอกสารจากภาษาไทยเป็นภาษาดัตช์ และภาษาดัตช์เป็นไทย เป็นเอกสารทุกอย่างเลยนะคะ ทั้งเป็นเอกสารทางราชการที่เกี่ยวกับบุคคล ตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต และเอกสารที่เป็นคำพิพากษาศาล เอกสารจากสำนักงานทนายความ โนตารีสมหน่วยงานราชการต่างๆ ฯลฯ แต่งานแปลต้องนั่งหลังจอคอมพิวเตอร์เยอะ เลยหางานทำที่ได้ออกแรงใช้แรงงาน ทุกวันพฤหัสจะไปทำความสะอาด boerderij (farmhouse) ของเจ้าของโรงเบียร์ประจำเมืองอูแทร็คต์ และทุกวันอาทิตย์ ครั้งละ 3-4 ชั่วโมง จะไปทำงานสปาเป็นสปาสไตล์บาหลีของชาวอินโดนีเซีย เป็นความชอบส่วนตัว ในเรื่องความดูแลสุขภาพ รักสวยรักงามนะคะ ดิฉันเป็นคนไม่เลือกงานนะคะ งานอะไรที่เป็นสัมมาอาชีพ สุจริต ไม่คดโกง ฉัอฉลใคร ดิฉันทำหมดค่ะ ไม่อาย ไม่คิดมาก เป็นคนไร้ตัวตนค่ะ – คุณ ปูชิตา ไคซึ้น Phuchita Ghijsen

ผู้ชายเนเธอแลนด์เป็นอย่างไร(บุคลิกลักษณะ)
ผู้ชายชาวเนเธอร์แลนด์ ที่พบเจอเป็นเพื่อนบ้าน เป็นเพื่อนร่วมงาน และคนที่ใกล้ชิดพอสมควร ส่วนมากจะเป็นคนที่ไม่อวดรวยค่ะ แต่งตัวไม่ใส่เครื่องประดับล้นหลาม เป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้างค่ะ เป็นคนแยกเวลาได้ดี ให้ความสนใจกับครอบครัวก่อน แต่ผู้ชายชาวเนเธอร์แลนด์ไม่ได้นิสัยเหมือนกันหรอกค่ะ สามีดิฉันนิสัยไม่เหมือนสามีเพื่อนของดิฉันเลยสักกะนิด ดิฉันเชื่อว่าคนที่จะเข้าคู่กันนั้น จะมีลักษณะที่ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน มี Mutual benefit จากความสัมพันธ์่ค่ะ ปัญหาที่เจอหลักๆ เลยก็คือ การใช้ผู้ชายเพื่อเป็นบันไดในการมีชีวิตที่ดีขึ้น มีเงินมากขึ้น ทันทีที่มีเงินและชีวิตดีขึ้นแล้ว ผู้ชายที่ถูกใช้ก็จะหมดค่า และผู้หญิงคนนั้นก็จะพร้อมเดินออกไป ปัญหาของคนพวกนี้ไม่ได้เป็นปัญหาของเขาเอง แต่เป็นปัญหากับชื่อเสียงของผู้หญิงไทยคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำตัวเหมือนเขา มันกลายเป็น stereotype ติดตัวผู้หญิงไทยไปหมด ทั้งที่เราไม่ได้เป็นค่ะ ความซื่อสัตย์ ความเข้าใจในความต้องการของตนเอง และความจริงใจ เป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่าย ชายและหญิงจะต้องมี เพื่อให้ทั้งสองมีผลประโยชน์ร่วมกันที่ไม่เอาเปรียบกันและกัน มันจะทำให้ความสัมพันธ์ยืนยาวค่ะ ไม่ว่าจะความสัมพันธ์แบบใดก็ตา – คุณกชกร ชอบธรรม – ชื่อเล่น: Smiley
ผู้ชายเนเธอแลนด์ โดยส่วนใหญ่ จะมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวสูง พยามแบ่งเบาช่วยเหลืองานบ้านต่างๆ และพวกเขาจะชอบการวางแผนการใช้ชีวิตไว้ล่วงหน้า เช่นมีการวางแผนการใช้จ่ายเงินและการดำรงชีวิตหลังเกษียณไว้ล่วงหน้า
ส่วนนิสัยใจคอบุคคลิกลักษณะผู้ชายดัตช์ในด้านอื่นๆ ส่วนตัวคิดว่าก็คงไม่ต่างอะไรมากกับผู้ชายชาติอื่นๆ คือมีทั้งบวกและลบ บางคนจิตใจดี ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่บางคนก็ไม่ใช่
ส่วนตัวคิดว่าการเลือกคู่ชีวิตที่เหมาะสมสำหรับสุภาพสตรีไทย ไม่จำเป็นต้องเป็นชายชาวดัตซ์ แต่การเลือกคู่ชีวิตควรจะขึ้นอยู่กับนิสัย,ทัศนคติต่างๆและสิ่งอื่นๆระหว่างคนสองคนว่าคล้องจอง คล้ายคลึงพอจะใช้ชีวิตไปด้วยกันได้หรือเปล่า เพราะคนเราชอบและรักต่างกัน ด้่งเช่นมีสุภาษิตไทยกล่าวไว้ว่า”ลางเนื้อ ชอบลางยา”(ของอย่างเดียวกัน คนหนึ่งอาจจะชอบ แต่อีกคนอาจจะไม่เอา)
แต่สำหรับดิฉัน มีความเห็นส่วนตัวว่าสุภาพบุรุษชาวดัตช์ส่วนใหญ่จริงใจและจริงจัง มีความรับผิดชอบสูง เหมาะที่จะเป็นคู่คิดและเป็นคู่ชีวิต แต่ความเห็นนี้อยู่ในบรรทัดฐานของชีวิตตัวเองที่เจอกับสุภาพบุรุษแบบนี้ในชีวิตจริงค่ะ ท่านอื่นๆถ้าเจอแบบอื่น ก็อาจจะมีความคิดเห็นแปลกแตกต่างออกไป
ส่วนปัญหาหลักๆเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่แตกต่างซึ่งทำให้ผู้หญิงไทยและผู้ชายชาวดัตช์มักจะมีปัญหาในเรื่องของความสัมพันธ์ เท่าที่เคยได้ยินและได้รับรู้มา พอจะยกตัวอย่างบางข้อได้ดังนี้ค่ะ
1. วัฒนธรรมการดูแล ส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ไทยโดยการส่งเงินทองกลับไปทุกๆเดือน (บางคนมาก บางคนน้อย)ถ้าฝ่ายหญิงมีงานทำมีรายได้ปัญหานี้อาจจะไม่เกิด แต่ถ้าต้องแบมือขอค่าเลี้ยงดูครอบครัวที่ไทยจากฝ่ายชาย และถ้าฝ่ายชายรับไม่ได้หรือไม่เข้าใจความต่างด้านนี้ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหากันได้ หลายๆคู่มีปัญหาถึงกับต้องเลิกรากันไป แต่หลายคู่ฝ่ายชายก็เต็มใจให้ความช่วยเหลือฝ่ายหญิงอย่างไม่มีเงื่อนไข
2. วัฒนธรรมการกิน…การคบหากันระหว่างคนไทย …ส่วนมากเมื่อคนไทยเจอหน้ากัน เราจะถามกันว่า”กินข้าว กินอะไรมาหรือยัง” หลายครั้งเราพูดบริบทแบบนี้แทนคำว่าสบายดีหรือเปล่า…เลยได้ยินบ่อยมากที่เหล่าสามีจะพูดเล่น(แกมเหน็บจริง)ว่า”คนไทย กินได้ทั้งวัน เจอหน้ากันมีแต่เรื่องกินๆๆ” หนึ่งในอาหารที่คนไทยแทบทุกคนชอบทานคือส้มตำ…ปัญหาที่ตามมาที่ได้ยินคือสามีของเพื่อนบางคนไม่ชอบให้มีเพื่อนคนไทยมาบ้านบ่อยๆ บางคนรับกลิ่นปลาร้า กลิ่นกระเทียมไม่ได้เลย…ถึงขนาดไม่ให้มีเก็บมีใช้ในครัวที่บ้าน …กลายเป็นการห้าม:ห้ามคบเพื่อนคนไทย ,ห้ามนั่น นี่ โน่น…แรกๆอาจจะไม่มีอะไรมากมาย ฝ่ายหญิงไทยเออออเพื่อเป็นการตัดปัญหา แต่บ่อยๆเข้าในระยะยาวก็อาจเกิดภาวะการขัดแย้งกันได้ในระดับหนึ่งถ้าไม่มีการปรับเข้าหากันทั้งสองฝ่าย
3. ถึงแม้จะแต่งงาน อยู่กินกันมานานหลายปีและมีลูกเต้าด้วยกันหลายคนแล้ว แต่ยังมีชาวดัตช์จำนวนไม่น้อยยังมีการแชร์ค่าใช้จ่ายต่างๆระหว่างสามีและภรรยาอยู่…ผู้หญิงไทยบางส่วนอาจจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ไว้ก่อน (หรือเลือกที่จะไม่คิดเพราะอาจจะคาดคิดว่าผู้ชายฝรั่งต้องจ่ายอยู่แล้ว)หรือไม่ได้มีการพูดคุยกับว่าที่สามีก่อนในเรื่องนี้… พอย้ายมาอยู่แล้วฝ่ายชายอาจจะผลักและดันให้ฝ่ายหญิงหารายได้เพื่อที่จะได้เอามาแชร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ…ถ้าฝ่ายหญิงยังไม่ได้เตรียมตัวในเรื่องที่ต้องทำงานหารายได้ก่อนย้ายมาอยู่ สิ่งเหล่านี้อาจจะกลายเป็นปัญหาตามมาได้ค่ะ ก็อยากฝากให้คิดว่าผู้ชายชาวต่างชาติไม่ได้ร่ำรวยมีเงินทองล้นหลามกันทุกคน (มีคนรวย คนจน คนพอมีพอกินเหมือนประเทศอื่นๆ)ส่วนมากพวกเขาแทบทุกคนก็ต้องทำงานหนักเพื่อที่จะได้มา…ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจย้ายไปอยู่ต่างแดนไม่ว่าจะเป็นที่ใด ก็ฝากให้คิดเผื่อไว้หลายๆอย่างนะคะ เพราะ”เมื่อได้ไปอยู่ ไปสัมผัสกับประเทศนั้นๆแล้ว สิ่งที่เห็นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด…และสิ่งที่ได้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังไว้” และอาจจต้องอยู่ในสภาวะที่”จะถอยหลังกลับก็ไม่ได้ จะเดินหน้าต่อก็ลำบาก” – คุณ พณิดา ย่อมมี / Phanida Yommee – ชื่อเล่น:ไก่
ผู้ชายชาติไหนก็คงมีทั้งดีและไม่ดีเป็นเรื่องธรรมดาโลก ดิฉันโชคดี มากๆ เจอสามีที่รัก ซื่อสัตย์ พร้อมจะช่วยเหลือสนับสนุนเราเสมอ – คุณ ปูชิตา ไคซึ้น Phuchita Ghijsen

ในมุมมองของคุณ คุณคิดว่าเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องความโรแมนติก ความรัก ระหว่างคนไทยและคนดัชท์อะไรคือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
คิดว่าคนเนเธอร์แลนด์เป็นคนโรแมนติคพอควรค่ะ เพราะเขามีประเพณี เยี่ยมเยี่ยนจะมีดอกไม้ไปฝาก คนที่บ้านมีเหตุดีบางอย่างเกิดก็มีของขัวญ ผ่านมาผ่านไปก็จุ๊บ เป็นเรื่องปกติ จูงมือกันเดิน กอดจูบในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติก็ว่าได้หากคนชอบสวีทโรมานซ์ คนเนเธอร์แลนด์ก็โรมานช์พอควร แต่ที่แตกต่างกันมากสุดๆคือ คนไทยพูดอ้อมค้อมรักษาน้ำใจ แต่คนเนเธอร์แลนด์ พูดตรง แต่หากคู่สามีภรรยา เข้าใจเรื่องประเพณีที่แตกต่างและปรับตัวเข้าหากันก็จะไม่มีปัญหาเรื่องความโรมานซ์คะ ทุกที่ทุกประเทศมีทั้งคนดี คนไม่ดี คนโรมานซ์และคนไม่โรมานซ์ปะปนกันไปค่ะ ขอให้คุณค้นหาและคัดสรรคุณก็จะได้คู่ที่ใจตรงกันได้ – คุณ Naan Madamthai
ดิฉันคิดว่าปัญหาที่น่าจะสำคัญมากที่สุดกับความสัมพันธ์กับผู้ชายดัชท์คือการสื่อสารค่ะ เพราะคนดัชท์เป็นคนพูดตรง แต่เราอาจจะตีความหมายผิดคิดว่าเขาว่าเรา แต่จริงๆเป็นแค่การชี้แจงการตรงๆของคนดัชท์ แต่คนไทยอาจจะรับไม่ได้นะคะ และคนไทยสอนให้มีอะไรที่ไม่พอใจให้เก็บไว้ แต่คนดัชท์เขาไม่เข้าใจนะคะ ถ้ามีปัญหาหรือไม่เข้าใจกัน คนดัชท์เขาชอบที่จะคุยกันตรงๆ สื่อสารกันตรงว่าเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มีปัญหาอะไรกันจะได้แก้ปัญหากันได้ ส่วนอีกเรื่องน่าจะเป็นเรื่องการใช้เงินของคนดัชท์ ที่คนไทยอาจรับไม่ได้คิดว่าเขาขี้เหนียวหรือตระหนี่ แต่จริงๆมันคือนิสัยพื้นฐานของคนประเทศนี้เลยค่ะ ว่าการรู้จักใช้เงินสำคัญมาก อะไรที่ไม่ควรจ่ายก็ไม่จ่าย ซึ่งดิฉันเองก็ได้เรียนรู้การใช้เงินแบบคนดัชท์มาค่อนข้างเยอะค่ะ – คุณ มาริสสา นิโรจน์ (เจี๊ยบ)
ดิฉันเป็นคนที่ไปช่วยแปลภาษาให้ผู้อื่น ปัญหาหลักที่ทำให้คนเลิกกัน ส่วนใหญ่เป็นปัญหาทางด้านความซื่อสัตย์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเลิกกันเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอกใจ เลิกกันเพราะการแต่งงานไม่ใช่ด้วยความรักที่แท้จริง
ทุกความสัมพันธ์ในสังคมต่างมีความซื่อสัตย์เป็นหลักค้ำค่ะไม่ว่าจะความสัมพันธ์ระหว่างพ่อค้าแม่ค้ากับลูกค้าความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างหรือแม้แต่ความสัมพันธ์ของคู่รักด้วยกันเอง อันนี้ไม่สามารถจะโทษได้ว่าเป็นเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนไทยหรือคนดัตช์เลย แต่เป็นสิ่งที่ใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงค่ะ
ดิฉันเองหย่ากับสามีคนแรก ก็เพราะหลังจาก 12 ปี เขายอมเปิดเผยความจริงว่าเขาไม่ได้รักเราอย่างที่เรารักเขา แต่เขาได้ประโยชน์จากการที่เรามาอยู่ด้วยค่ะถึงจุดหนึ่งที่เขากล้าที่จะเปิดปากพูด เพราะเขามั่นใจว่าเราสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ฟูมฟาย ไม่ทำร้ายตัวเองหลังจากเขาเลิกไป เขาก็เลยตัดสินใจที่จะบอกแล้วเราก็หย่ากัน – คุณกชกร ชอบธรรม – ชื่อเล่น: Smiley

ส่วนตัวคิดว่าเรื่องภาษา การสื่อสาร น่าจะเป็นปัญหากับคู่ที่ฝ่ายหญิงไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาดัตช์ได้ในช่วงแรกๆ ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาได้สำหรับบางคู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่มากสำหรับทุกคู่ และต่อมาภายหลังส่วนมากฝ่ายหญิงก็ต้องเรียนรู้ภาษาเพิ่มเติมอยู่ดี
แต่ปัญหาอีกอย่างที่ได้ยินบ่อยๆคือความแตกต่างด้านประเพณีวัฒนธรรมในการเลี้ยงดูลูกๆ โดยเฉพาะถ้าฝ่ายหญิงมีลูกติดตามมาจากเมืองไทย การมาถูกเลี้ยงดูให้เติบโตที่ฮอนแลนด์ เด็กๆจะถูกแม่ชาวไทยโดยส่วนมากเลี้ยงดูแบบไม่ใช่วิถีทางแบบดัตช์ล้วนๆ แต่ฝ่ายคู่ครองชาวดัตช์ที่ต้องทำหน้าที่ช่วยดูแลก็จะเลี้ยงแบบชาวดัตช์ หลายๆคนอาจจะได้โต้เถียงและไม่เห็นด้วยกับความคิดและวิธีการของอีกฝ่าย
การที่ฝ่ายหญิงไทยต้องดูแลส่งเสียครอบครัวทางไทย คนใหญ่ส่วนใหญ่จะเติบโตขึ้นมาแบบ”เอาพี่ เอาน้อง หรือการที่ต้องดูแลพ่อแม่พี่น้อง” สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นปัญหาของบางคู่ที่ฝ่ายชายชาวดัตช์ไม่เห็นด้วยและไม่เข้าใจในความต่างในวัฒนธรรมครอบครัวด้านนี้ค่ะ
ทั้งนี้และทั้งนั้น สิ่งที่กล่าวมาเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวจากมุมมองของตัวเอง ที่บางอย่างอ้างอิงจากความเป็นจริงที่ได้พบ ได้เห็นและได้ยินมา ดิฉันไม่ได้อ้างอิงจากเรื่องราวของตัวเองทั้งหมด แต่พยามมองถึงหลักความเป็นจริง พยามลองมองปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายๆมุมหลายๆด้านเพราะทุกๆอย่างจะเหมือนเหรียญ ที่มี2ด้านเสมอ…ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว นอกจากบางท่านที่อาจจะไม่ได้ดั่งที่คาดหวังไว้ แต่ยังมีผู้คนมากมายหลายท่านที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศแล้วมีความสุข สร้างครอบครัวอบอุ่น และประสบความสำเร็จค่ะ – คุณ พณิดา ย่อมมี / Phanida Yommee – ชื่อเล่น:ไก่
ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นคือ เรื่องการเงิน ที่ฝ่ายหญิงต้องดูแลครอบครัวที่ไทย เนื่องจากที่ไทยไม่มีสวัสดิการแบบที่เนเธอร์แลนด์ ลูกๆ คือสวัสดิการของพ่อแม่ ถือว่าเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามา แต่บางทีมันมากเกินไปจนฝ่ายสามีรับไม่ไหว เพราะ ไม่เพียงเเต่พ่อแม่ เเต่ญาติๆ เช่น ลุงป้าน้าอา อาจจะขอความช่วยเหลือมาด้วย บางคนใช้คำว่าเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน ฝ่ายชายมองว่าถ้าเป็นแบบนี้ คงจะไม่มีอนาคต การที่มองสามีเป็นตู้เอทีเอ็ม หรือธนาคาร เป็นการคิดผิด เพราะ ฝรั่งไม่ได้รำ่รวยทุกคน ถ้าเกิดโชคดีเจอสามีรำ่รวย ก็ไม่ควรล้างผลาญกัน หรือสาเหตุอื่นอาจจะมาจากการที่ทั้งคู่ยังไม่ได้รู้จักกันดีพอ ฝ่ายหญิงก็ตัดสินใจมาเนเธอร์แลนด์ มาถึงฝ่ายชายไม่ใช่อย่างที่ฝ่ายหญิงคิด ก็ผิดหวัง ระหองระแหงกัน ในที่สุดก็หย่าร้างกัน – คุณ ปูชิตา ไคซึ้น Phuchita Ghijsen

ชีวิตความเป็นอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ บทสัมภาษณ์น่าอ่านจากคนไทย
ชีวิตหญิงไทยในต่างแดน เฟสบุ๊คเพจ
โปรดลงทะเบียนเพื่อรับThai Women Living Abroad ข่าวสารใหม่อย่างต่อเนื่อง